วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

มาทำความรู้จักกับหนังดังจากค่ายหนังอารมณ์ดีค่ายหนัง GTH









สวัสดีเพื่อนๆชาว Blogger ทุกคนนะครับ ผม กอล์ฟ นะครับ เราเรียนภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ปี3 ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ
     ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบดูหนัง โดยเฉเพาะหนังผีและหนังสืบสวนสยองขวัญ ผมดูหนังมาตั้งแต่เด็กและดูมาโดยตลอด ตอนเด็กๆเห็นรูปโปสเตอร์โฆษณาหนังในหนังสือพิมพ์ ผมตัดและเอามาแปะในสมุดไดอารี่ของผม ซึ่งสมุดเล่มนั้นมีแต่รูปโปสเตอร์หนังที่ผมชอบ 5555+ และนี่คือต้นต่อสาเหตุที่ทำให้ผมมาเรียนสาขาภาพยนตร์ เพราะผมฝันไว้ว่าอยากมีหนังผีเป็นของตัวเองสักเรื่องหนึงอยากลองมากำกับดู เรามีค่ายหนังที่ชอบครับ ผมว่าเพื่อนๆหลายคนก็คงทราบกันบ้างแล้วนั้นก็คือ ค่ายหนัง GTH และค่ายหนังซูเปอร์ฮีโร่ของใครหลายๆคน ค่ายหนัง Marvel ครับ โดยถ้าพูดถึงภาพยนตร์ที่ชอบที่สุดใน 2 ค่ายนี้ สำหรับผมค่าย GTH         หนังรัก กวนมึนโฮ , แฟนฉัน , เพื่อนสนิท
                                   หนังผี 4 แพร่ง , บอดี้ศพ19# , ชัตเตอร์ และ แฝดครับ
                                   หนังตลกคอมดี้ ATM เออรัก เอ่อเร่อ , พี่มากพระขโนง , เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ
                                   ซีรีย์ เนื้อคู่ประตูถัดไป , เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร , เนื้อคู่ The final Answwr
และ Marvel ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่รักที่สุดคือ กัปตันอเมริกาครับ หนังที่ชอบก็คงไม่พ้น กัปตันอเมริกา และ สไปเดอร์แมน 1,2,3, และดิอะเมซิ่ง เอาละครับกลับเข้าเรื่องที่เราจะมาพูดดีกว่านั้นก็คือ ค่ายหนัง GTH ของเรา
                    
     GTH หรือ จีเอ็มเอ็ม ไท หับ หรือที่นิยมเรียกกันตามชื่อย่อว่า จีทีเอช เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายภาพยนตร์ไทยในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่จีทีเอช เกิดขึ้นหลังจาก จีเอ็มเอ็ม พิคเจอร์ , ไทย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ หับโห้หิ้น ฟิล์ม ร่วมสร้างภาพยนตร์ เรื่องแฟนฉัน เมื่อปี พ.ศ. 2546 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จึงร่วมตัวกันเป็นบริษัทเดียวกัน ได้รับความนิยมและรายได้ดีแทบทุกเรื่อง



   Box นี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ฉากในภาพยนต์ที่สำคัญและเคยสร้างความประทับใจในความทรงจำของทุกคนกัน กับภาพยนตร์จากค่ายหนังดัง ค่ายหนังอารมณ์ดี ค่ายหนัง GTH นั้นเอง ถ้าเอ่ยถึง GTH ทุกคนก็คงรู้แล้วแหละครับ ว่าค่ายนี้เขามีอะไรดี มีหนังอะไรเด่น ถ้าพูดถึงผมแล้วถ้าพูดถึง GTH ผมคงต้องบอกถึงหนังเรื่องแฟนฉัน ครับ เพราะผมโตและผูกพันธ์มากับหนังเรื่องนี้ 55555+ แล้วเพื่อนๆละครับ มีหนังเรื่องไหนของ GTH ที่อยู่ในความทรงจำบ้างหรือเปล่า ? อาทิตย์หน้าเราไปย้อนรอยฉากหนังเรื่อง ไอฟายแต๊งกิ้ว เลิฟยู้ กัน จะเป็นฉากไหนมาติดตาามกันสัปดาห์หน้าครับ 
  
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/34692470
ขอขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย 
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1_%E0%B9%84%E0%B8%97_%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%9A

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิจารณ์หนัง พี่มากพระขโนง







วิจารณ์แบบตามทฤษฎีการเล่าเรื่อง (Narrative Theory)
โครงสร้าง (Plot)
พี่มากพระโขนงในภาคนี้ยังคงมีพื้นฐานเดิมที่คล้ายๆกับนางนากที่ยังคงเน้นเรื่องราวของความรักระหว่างแม่นากกับพี่มากและความสยองขวัญแต่ในแต่มีเพิ่มความตลกขบขันและเรื่องราวความรักของมากและแม่นากที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้นแต่ยังคงความน่ากลัวในรูปแบบของหนังผี 
ความขัดแย้ง (Conflict)
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้คือความขัดแย้งระหว่างผีกับมนุษย์ซึ่งผู้กำกับอยากจะสื่อให้เห็นออกมาว่าความรักไม่มีขอบเขตอย่างเช่นภาพยนตร์เรื่องนี้จะชี้ให้เห็นว่าผีกับมนุษย์ก็สามารถรักกันได้แต่ในความเป็นจริงแล้วความรักแบบนี้ไม่สามารถเป็นไปได้และสุดท้ายความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เองคือพี่มากกับเพื่อนพี่มากที่พี่มากไม่ยอมรับรู้และรับฟังในสิ่งที่เพื่อนพี่มากพยายามจะบอกว่าแม่นาคเป็นผีไปแล้ว

ตัวละคร (Character)        
           ถ้ากล่าวถึงตัวละครหลักอย่างพี่มากกับแม่นาค การแต่งกายจะแตกต่างจากภาคก่อนๆโดยสิ้นเชิง แม่นาคในภาคนี้จะเป็นผมยาว แต่ภาคก่อนจะเป็นผมสั้นเกรียนและภาษที่ใช้ของตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้จะใช้ภาษาที่ดุเข้ากับยุคสมัยมากขึ้นจะเป็นความน่ารักของตัวพระ-นาง อย่างเช่นคำว่า เค้า ,ตัวเอง  เป็นต้น เพื่อให้หนังดูมีความน่าสนใจมากขึ้น ตัวละครอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก คือ แก๊ง 4 หนุ่มเพื่อนของพี่มากได้แก่ เต๋อ ,ชิน ,เผือก ,เอ ที่สามารถแย่งซีนและสร้างความโดดเด่นด้วยการใช้มุขตลก และเป็นมีกระแสตอบรับที่ดี
แก่นเรื่อง (Theme)
ในสมัย กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เกิดสงครามจนทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต้องถูกเกณฑ์ไปรบ "พี่มาก" จำต้องทิ้งเมียของเขาที่กำลังท้องแก่ไว้ที่บ้านเพื่อเข้าร่วมศึก ระหว่างสงคราม มากได้พบและช่วยชีวิตเพื่อนทหารเกณฑ์สี่คนคือ เต๋อ เผือก ชิน และเอ จนท้ายที่สุดทั้งห้าก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อสงครามยุติ มากจึงชวนให้ทั้งสี่ไปเยี่ยมบ้านของเขาที่พระโขนง
          เมื่อถึงพระโขนง มากแนะนำให้ เต๋อ เผือก ชิน และเอ รู้จักกับ "นางนาก" เมียสาวแสนสวยของเขา และยังมี "แดง" ลูกชายวัยแรกเกิดของมากด้วย เต๋อ เผือก ชิน และเอ ตัดสินใจอยู่ที่พระโขนงสักระยะโดยอาศัยที่บ้านหลังเก่าฝั่งตรงข้ามบ้านมาก
          ขณะนั้นมีข่าวลือหนาหูในหมู่ชาวบ้านว่านากเป็นผีตายทั้งกลม!! โดยต้นตอมาจากยายเปรียกเจ้าของร้านยาดองปั่น ทั้งสี่ไม่เชื่อ จึงพยายามพิสูจน์ด้วยวิธีการต่าง ๆ ต่อมายายเปรียกผู้ปล่อยข่าวลือเกิดจมน้ำตายลอยขึ้นอืดอย่างน่าสยดสยอง ทำให้เต๋อ เผือก ชิน และเอ ปักใจเชื่อว่านากเป็นผีแน่ ๆ
          ทั้งสี่ไม่กล้าบอกมากตรง ๆ เนื่องจากกลัวจะต้องพบจุดจบแบบเดียวกับยายเปรียก แต่เมื่อนึกถึงบุญคุณที่มากเคยช่วยชีวิต พวกเขาจึงต้องตัดสินใจบอกความจริงให้มากรู้ "เพราะคนกับผีอยู่ร่วมกันไม่ได้"


ฉาก (Setting)
ฉากนี้เป็นซีนที่พระนางไปเดินเล่นกันที่งานวัด แล้วเพื่อนพี่มาก ก็ตามไปเพื่อจะบอกความจริงบางอย่าง ซึ่งบรรยากาศการถ่ายทำดูสนุกสนาน มีชาวบ้านแต่งตัวโบราณมาเข้าฉากกันอย่างเนืองแน่น ฉากบ้านผีสิง  ที่ทั้ง เชน, บอมบ์, เผือก, ฟรอยด์ ต้องแปลงร่างกลายเป็น  ผีตานี  ผีกระหัง ผีปอบ และกุมารทอง  แถมยังต้องวิ่งหนีออกมาจากบ้านผีสิง  ซึ่งต้องมีการวิ่งฝ่าทะลุกำแพงออกมา 
ฉากงานวัดยังมีไฮไลท์ของงานคือชิงช้าสวรรค์เพื่อโชว์ซีนซึ้งๆ เพื่อให้ได้เห็นมุมสวยๆ จากข้างบน ถือเป็นฉากสำคัญของเรื่องที่โรแมนติกสุดๆ ซึ่งทั้งคู่ต้องรับ-ส่งอารมณ์ส่งสายตากันอย่างเต็มที่
มุมมองในการเล่าเรื่อง(Point of view)
    แต่ละตัวละครมีมุงมองและพฤติกรรมแตกต่างกันไป แม่นาคสามารถสื่ออารมณ์ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะฉากร้องไห้สามารถสะกดคนดูให้คล้อยตามไปและอีกตัวละครที่สามารถเล่นมุขตลกจนคนดูอินไปกับการแสดงและหัวเราะตามได้อย่างฮากระจาย มุมมองของผู้กำกับเรื่องนี้สามารถให้แง่คิดกับคนดูได้หลายเรื่องราวไม่ว่าจะเป็น ความรัก ความเสียสละ ความสามัคคีของเพื่อนและความอดทนเพื่อคนที่เรารักมีการหักมุมหลายๆอย่างเพื่อให้คนดูเข้าใจผิดทำให้เดาได้ยากอีกว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง


การวิจารณ์ตามแนวความคิดรูปแบบนิยม
    ใช้การเล่าเรื่องให้ผู้ชมเกิดความบันเทิงตลอดเรื่องได้อย่างเรื่อย ๆ โดยเน้นเรื่องราวไปทางความรักระหว่างคนกับผีพร้อมแผงมุขตลกขบขันมีเค้าโครงมาจากตำนานรักอมตะ ผีนางนาคที่มีความรักต่อพี่มากโดยส่วนใหญ่เรื่องราวของความน่ากลัวอาจจะน้อยลงแต่สิ่งที่ผู้กำกัลจะสื่อให้เห็น คือ ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการที่ได้แต่งเติมลงไปในตำนานบทเก่า ให้กลายเป็นภาพยนตร์ในรูปแบบร่วมสมัย
การใช้เทคนิค
ขนาด
ขนาดของภาพโดยส่วนใหญ่ของเรื่องจะเน้นภาพ     long shot และclose up เป็นส่วนใหญ่เพื่อสื่ออารมณ์ให้รู้สึกที่โศกเศร้าและความยิ่งใหญ่อย่างเช่นในฉากพระเอกกับนางเอกที่ต้องแสดงความรักต่อกันจึงต้องใช้ภาพ close up
มุมกล้อง
ใช้มุมกล้องในระดับสายตาเป็นส่วนใหญ่เพราะส่วนมากจะเป็นฉากสนทนากันและใช้มุมกล้องแบบซับเจ็คทีฟ เพื่อจะได้ดึงคนดูให้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วย 
การเคลื่อนไหว
มีการ pan ในแนวระนาบเพื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของตัวละคร เช่น ฉากวิ่งหนี  ฉากมองผี ความตื่นเต้นวุ่นวายสับสน 
องค์ประกอบเพื่อสื่อความหมาย
ใช้การแต่งกายและทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อสร้างความน่าจดจำให้กับผู้ชมพร้อมกับฉากที่ดูสมจริงให้

ขอขอบคุณ http://pantip.com/topic/30781652

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิจารณ์หนัง กวน มึน โฮ









กวน มึน โฮ ตอนแรกที่ผมได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้ นึกว่า เป็นหนังเกาหลี อีกอย่างหนึ่งต้องยอมรับครับว่าระยะหลังนี้หนังเกาหลีมาตีตลาดหนังไทยเราเป็นอย่างมาก เรียกว่า ตีตลาดทั้งจอเงินและจอแก้วเลยทีเดียว ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะมีหนังชื่อเกาหลีออกมาอีกสักเรื่อง แต่พออ่านไปๆ อ้าว...ชื่อภาพยนตร์ไทยนิหน่า
กวน มึน โฮ เป็นภาพยตร์คุณภาพเรื่องล่าสุด จากค่ายหนังดัง GTH ที่ได้ บรรจง ปิสัญธนะกูล (โต้ง) มาเป็นผู้กำกับ และถ้าจะให้พูดถึงผู้กำกับคนนี้ ผมขอยกนิ้วหัวแม่มือให้เลยครับทั้งสองมือ โต้ง เกิดจากการเป็นผู้กำกับ เรื่อง "ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ" ซึ่งเรื่องแรกก็ทำรายได้ไปร้อยกว่าล้านแล้ว แล้วยังถูกเมืองนอกซื้อไปทำใหม่(รีเมก)อีกต่างหาก เรียกว่าเรื่องแรกก็ได้ทั้ง เงินและรางวัลเชียวล่ะ พอมาเรื่องที่สอง "แฝด" ก็ทำรายได้ไม่น้อยหน้าไปกว่าเรื่องแรกสักเท่าไหร่นัก มาเรื่องที่ สามอย่าง "4แพร่ง" ตอน คนกลาง เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวมากที่สุดในบรรดาทั้ง 4 ตอนของหนัง ว่าเป็นตอนที่สนุกที่สุด พอมีเรื่อง "5แพร่ง" ตอนคนกอง ทุกคนก็จับตามาที่ผู้กำกับคนนี้เลยที่เดียวว่าเขาจะมีมุกอะไรจะมาเสนออีก ซึ่งคนดูก็ไม่เคยผิดหวังกับการกำกับของคุณโต้งเลยสักครั้ง แม้จะเป็นมุกเดิมๆ ที่มาหลอกใช้อีกแต่ก็เป็นการหลอกที่สนิทใจเลยที่เดียว กับเรื่อง กวน มึน โฮ นี้ ถือว่าเป็นการกำกับภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่องแรก ของคุณโต้งก็ว่าได้เพราะว่าทั้ง 4 เรื่องที่ผ่านมาคุณโต้งกำกับแต่หนังผีทั้งสิ้น กวน มึน โฮ เป็นเรื่องราวของ ชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่ได้เลือกไปเที่ยวเกาหลีด้วยเหตุผลที่ไม่ซ้ำใคร และทั้งคู่ก็ไม่ได้ไปด้วยกันไม่รู้จักกันมาก่อน ชายหนุ่ม (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ) ผู้ชายที่จะไปย่ำแดนกิมจิด้วยรองเท้าแตะคีบ และเสื้อยืดย้วยๆ บวกกางเกงขาสั้น เขาเป็นคนเดียวในกรุ๊ปทัวร์ที่ไม่มีครอบครัวหรือคนรักมาด้วย บางทีที่นั่งว่างเปล่าข้างๆ อาจเป็นสาเหตุให้เขาเมามายขนาดนี้ในวันเดินทางก็เป็นไปได้ ส่วนหญิงสาว (หนูนาหนึ่งธิดา โสภณ) หญิงสาวที่หลงไหลในดินแดนโสมและที่สำคัญเธออยากมาอยู่ในที่ที่เป็นโลเก ชั่นซีรีย์สสุดฮิตของเกาหลีที่เธอดูจนติดงอมแงม โดยเอางานแต่งของเพื่อนที่อยู่เกาหลีมาเป็นข้ออ้างกับแฟนหนุ่มของเธอในการเดินทางมาในครั้งนี้ ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมหญิงสาวถึงมาเที่ยวคนเดียว เธอตอบง่ายๆว่า เที่ยวคนเดียวไม่ต้องเกรงใจใคร อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องทะเลาะกับใครด้วย อาจเพราะความคะนอง หรือ ความเหงาเต็มที่ก็สุดจะเดา อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ยื่นข้อเสนอ "งั้นเรามาเที่ยวด้วยกันมั้ย ถ้าเธอไม่ชอบเที่ยวกับคนรู้จักเราก็ไม่ต้องรู้จักกัน ไม่รู้ชื่อ ไม่รู้ข้อมูลส่วนตัว เราจะเป็นแค่คนแปลกหน้าสองคนที่ไปเที่ยวด้วยกัน" จากนั้นเรื่องกวนๆ มึนๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น


ในส่วนรวมๆของเรื่องแล้ว สอบผ่านเลยที่เดียว อาจจะเป็นการลองของใหม่ ของโต้งก็ได้ ในเรื่องนี้ ช่วงครึ่งแรกของหนังจะเป็นแบบกวนๆ ฮาๆ มึนๆ เรียกเสียงหัวเราะให้คนดูได้ตลอดเวลา ส่วนครึ่งหลังของเรื่อง พี่ท่านอัดดราม่าแบบเต็มสูบเลย แต่เป็นดราม่าที่น่าติดตามยิ่งนัก บางฉากบางคนถึงกับกลั่นน้ำตาไม่อยู่เลยก็มี เรียกว่าถ้าไม่แน่จริง ครึ่งหลังจะเสี่ยงมากกับการดูแล้วน่าเบื่อน่าง่วงนอน แต่กับเรื่องนี้ อาการที่ว่าไม่เกิดกับคนดูสักคน ตัวหนังพยายามให้คนดูลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่า ทั้งคู่ชื่ออะไรกัน จะบอกกันตอนไหน ถึงแม้ว่าจะเป็นฉากดราม่าแรงๆแล้ว ตัวละครก็ยังไม่ปริปากบอกชื่อตัวเองเลยสักครั้ง และอาจจะเป็นธรรมเนียมไปเสียแล้ว สำหรับค่ายหนังค่ายนี้กับคำคมในหนังที่ใคร ต่อใครหลายๆคนชอบกันนักชอบกันหนา "คุณจะรักฉันได้ยังไง เราไม่รู้จักกัน ชื่อฉันคุณยังไม่รู้จักเลย " "ผมรู้แค่ว่า เวลาที่ได้อยู่กะคุณ ผมแม่งโครตมีความสุข อย่างนี้เค้าเรียกว่ารักปะ" เรียกว่าเป็นประโยคที่โดนไปเต็มๆ ในเรื่องของ ฉากนั้นเราอาจจะแปลกตาสักหน่อย เพราะน้อยเรื่องนักที่คนดูหนังไทย จะเห็นภาพที่เป็นสถานที่ต่างประเทศทั้งเรื่อง ซึ่งแต่ละสถานที่เราก็ไม่เคยคุ้นตาสักเท่าไหร่ นั้นเป็นผลดีสำหรับนักสร้างหนัง และคนดู คนสร้างหาอะไรแปลกๆใหม่ๆมาเสนอ คนดูได้เห็นสิ่งใหม่ๆที่แปลกหูแปลกตาไป เรียกว่าได้ดีทั้งสองทาง งานนี้เอาคะแนนไปอีกหนึ่งกระบุง นักแสดงนำเรื่องนี้ถือว่าน้อยมากเพราะว่ามี แค่ 2 คน คือ เต๋อ กับหนูนา ในส่วนของเต๋อนั้น ตัวจริงกับในภาพยนตร์เหมือนเป็นตัวตนคนเดียวกันเลย เพราะตัวจริงของเต๋อก็จะเป็นคนกวนๆ เหมือนในหนังเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น โต้งเลือกนักแสดงไม่ผิดในส่วนการแสดงของเต๋อที่ผ่านมา อย่าง เรื่อง "ปิดเทอมใหญ่...หัวใจว้าวุ่น" และ "โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต" ก็การันตีการแสดงของเต๋อพอสมควร แต่เรื่องนี้ ผมว่าการแสดงของเต๋อพัฒนาขึ้นอีกระดับนะครับ เรียกว่าแสดงได้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากขึ้น เพราะสองเรื่องที่ผ่านมาเต๋อยังเล่นแข็งๆอยู่ และความสามรถของเต๋ออีกอย่างก็คือ ร่วมเขียนบทในภาพยนตร์เรื่องนี้ เรียกว่าเขียนบทให้ตัวเองเล่นนั้นแหละ


นักแสดงอีกคน ที่ผมไม่คิดว่าเธอจะเล่นได้ดีอย่างนี้ "น้องหนูนา" เธอดังมาจากการเล่นละครเวที แม้ว่าปัจจุบันหเธอยังอายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ แต่การแสดงเรื่องนี้ของเธอเรียกว่าตีบทกระจุย เธอเล่นได้ดีมากทั้งบทกวนๆ บทดราม่า แววตาและท่าทางการแสดงของเธอเป็นธรรมชาติมาก ทั้งสองคนเลยเข้าขากันได้ดีในเรื่องนี้ เห็นที่อันดับนางเอกในดวงใจผมต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งแล้ว และอาจจะเป็นเพราะว่าเธอเคยร้องเพลงประกอบละครมาก็หลายเรื่องแล้ว พอได้มาเล่นเรื่องนี้ ก็เลยได้ร้องเพลงประกอบด้วย อย่างเพลง"รักไม่ต้องการเวลา" ที่เธอร้องไว้ตอนนี้ก็ติดชาร์ตอันดับหนึ่งอยู่ในคลื่นวิทยุหลายสถานีด้วยกันส่วนอีกเพลง "ยินดีที่ไม่รู้จัก" ของวง 25hours ก็ดังไม่แพ้กัน ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัววันแรกได้ไป 7.2 ล้านบาท แม้ว่าสู้หนังรุ่นพี่อย่าง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" ของเพื่อนร่วมค่ายไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลขอันดับหนึ่ง สำหรับหนังที่เปิดตัวในวันธรรมดา (ไม่ใช่วัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์)เลยทีเดียว นี่ผ่านมา7วันแล้วทำรายได้ไปถึง 60 ล้านบาท เรียกว่าหนูนา กับเต๋อ กำลังเป็นว่าที่ พระเอกและนางเอก 100ล้านคนต่อไปของวงการภาพยนต์ไทย หนังเรื่องนี้ดูสนุก วิวสวย นักแสดงเล่นดี อย่างนี้จะไม่เอาใจช่วยไหวเหรอครับ ผมว่า 100 ล้าน แค่ชิวๆสำหรับเรื่องนี้ ต้อง 150ล้านเลย และผมขอทิ้งท้ายกับคำสามคำที่อยากจะบอกกับคุณโต้งว่า หนังเรื่องนี้ "มันส์ จัง แก"

ขอขอบคุณ http://movie.sanook.com/18891/

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิจารณ์ Suck Seed ห่วยขั้นเทพ






"หนังวัยรุ่น" จัดเป็นหนึ่งในประเภทของหนังปราบเซียน คือไม่ใช่ว่ามันไม่ทำเงิน กำกับยากหรืออะไร แต่เพราะเป็นหนังประเภทที่คนทำมาเยอะ(มาก)แล้ว และยากที่จะฉีกแนวจากหนังวัยรุ่นทั่วไป คือถ้าเราหลับตาดูก็จะนึกภาพตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบได้เลย

เริ่มต้นด้วยพระเอกหล่อ นางเอกสวยใส -> ฝันอยากจะตั้งวงดนตรี/ประกวดเต้น/แข่งกีฬา -> เจออุปสรรค ที่บ้านไม่เห็นด้วย เล่นไม่เก่ง อุปกรณ์ไม่ดี -> ปิ๊งสาว -> จบที่งานประกวด พลิกชนะเลิศ ได้รางวัล สาวชอบ ที่บ้านยอมรับ Happy Ending จบ .. แค่นี้ก็รู้สึกถึงความเอียน~~~~

Suck Seed ห่วยขั้นเทพ มีหน้าหนังที่เหมือนข้างบนว่าไว้ทุกประการ .. เด็กวัยรุ่น ตั้งวงดนตรี ประกวด Hot Wave ปิ๊งสาว มีอุปสรรคที่ทุกคนเป็นตัวห่วย .. มีเพียง 2 อย่างที่ทำให้ก่อนจะดูแล้วรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าจะดี คือนางเอก (น้องแนท ณัฐชา นวลแจ่ม) ที่เล่นดนตรีเอง และโปสเตอร์หนังมีโลโก้ GTH ประกันคุณภาพอยู่


ประโยคเด็ด
  • "เวลาฟังเพลง จะรู้สึกว่ามีเพื่อน" เอิญ
  • "เพลงมีอยู่ 2 ประเภท คือเพลงแกรมมี่กับอาร์เอส" คุ้ง
  • "แล้วของเป็ดล่ะ เป็นคำว่าอะไรเหรอ ?" , "............... น่ารัก"
  • "ส้ม ....... อาส์~~~~" เอ็ก
  • "นี่มันยุคของเราแล้ว !!" คุ้ง
  • "น้องนี่ตาถึงนะเนี่ย" - เจ้าของร้านกีตาร์
  • "สวย.." , "อีเป็ดน่ะเหรอน้อง" , "ป่าว .. อินี่อ่ะ" - เป็ด
  • "ป้า ขอเบียร์หน่อย ... ขอหลอดด้วยนะ" คุ้ง
  • "กูจะลืมส้มให้ได้ แต่กูจะไม่มีวันลืมอีทอมนั่น !!" เอ๊ก
  • "ปล่อยผม ..​ ผมจะร้องเพลงให้พี่ตูนฟังงงงงงง" เอ๊ก
  • "คอนโดมีีเนียมคุณลุงถ้าวงชื่ออย่างนี้เข้ารอบได้ พวกเราก็เข้ารอบได้วะ" คุ้ง
  • "แล้วเอิญล่ะ คิดยังไงกะเรา" , "คิดเองไม่เป็นเหรอ~~"
  • "กูชอบเอิญก่อนมึงอีก" , "แล้วมึงทำไมไม่พูด"
  • "นึกถึงวันเก่าๆ เน๊อะ" เอิญ
  • "เราก็ยังเหมือนเดิมนะ" เอิญ
  • "คนห่วยๆ อย่างมึง ลืมก็เหี้ยแล้ว" คุ้ง
ขอขอบคุณ http://www.khajochi.com/2011/03/suck-seed.html

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิจารณ์ เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ







พอดีได้ไปดูรอบสื่อมา คนเขียนอ่านเองก็เหมือนอวยมาก แต่บอกเลยว่าจากใจและความรู้สึกหลังออกจากโรง
อยากไงลองดูกันนะ เป็นไงแล้วมาแชร์กันจ้า เราความคิดไม่เหมือนกันมีทั้งคนชอบไม่ชอบ ^_^

อย่าอคติกับเรื่องนี้ ไม่ดูคือพลาดมาก นี่คือหนังวัยรุ่นที่สนุก ฮา และโรแมนติกโคตร ๆ ๆ ... สนุกกว่า Suckseed อีกครับพี่น้อง!
.
นี่คือเรื่องของ "หนุ่มต๊อกต๋อยกับสาวน้อยไฟช็อต" ... ป๋องคือเด็กต๊อกต๋อยไร้ตัวตนที่แอบชอบผู้นำแสตนด์เชียร์ตัวท๊อปอย่าง "มิ้ง" แต่ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวได้แต่วาดการ์ตูนระบายความรู้สึกโรแมนติก (และแอบหื่น) ไว้ในสมุดของตัวเอง ... ส่วนเมย์ไหนคือสาวที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าได้เวลาตกใจ เหนื่อย หรือเวลาได้อยู่ใกล้กับ "พี่เฟม" รุ่นพี่หนุ่มนักกีฬาหน้าตาดีที่เธอแอบชอบมานานแสนนานแล้ว
.
แต่เมื่อชะตาชีวิตพาสองคนนี้มารู้จักกัน มิตรภาพของคนไร้ตัวตนสองคนก็ก่อตัวขึ้น ป๋องช่วยเมย์ไหนให้ได้สมหวังกับพี่เฟม ส่วนเมย์ไหนก็ช่วยแนะวิธีจีบมิ้งให้ป๋อง สุดท้ายจะเป็นยังไง ใครลงเอยกับใคร เมย์ไหนจะช็อตใครจนเกรียมบ้างไหม ต้องไปดูจ้าา
.
เรื่องนี้เป็นผลงานลำดับที่ 2 ของ "ชยนพ บุญประกอบ" ถัดจาก Suckseed ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าเรื่องนี้ปล่อยของได้โดนกว่าเยอะ! สนุกมาก ขำมาก ฮามาก เล่าเรื่องได้ลื่นไหลเว่อร์ ๆ แถมมีการใช้การ์ตูนเข้ามาประกอบอีก ซึ่งก็คือการ์ตูนที่ป๋องวาดใส่สมุดของตัวเองในเรื่องนั่นล่ะ มันสวยมาก มันดีงาม อยากให้ GTH ทำหนังการ์ตูนแบบจริงจังเลย ชอบมาก!
.
น้องแบงค์ ธิติ คือ Best Actor! แสดงดี มีเสน่ห์แบบซื่อ ๆ กวน ๆ ... คือไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่น้องแบงค์สอบผ่านฉลุยในหนังเรื่องแรกนี้ น้องมาไกลมากจาก Hormones SS2 ... ขอประกาศตัวเป็น FC น้องอย่างเป็นทางการครับผม!
.
ปันปันน่ารัก เป็นสาวอึน ๆ ที่บทจะโก๊ะก็ฮาแตกเลย ชอบแววตาน้องเวลาสื่อความรู้สึก
.
ต่อออร่าพุ่งมาก พี่เฟมคือซูเปอร์ไซยาในโรงเรียน คือจะเท่ห์ไปไหน ... อธิบายไม่ถูก ไปดูเองดีกว่า 55+
แบงค์เล่นดี ปันปันเล่นดี ต่อเล่นดี ฟรังก็เล่นดี ตัวประกอบทุกคนเล่นดี พ่อ แม่ ครู ผอ. เพื่อน .... เอาตรง ๆ คือไม่รู้จะติอะไรจริง ๆ เอาคะแนน 10 เต็มไปเถอะฮะ ... โดยรวมคือมันน่ารัก ดูแล้วยิ้มและหัวเราะตลอดเลย ช่วงท้าย ๆ คือซึ้งและโรแมนติกมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
.
ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นนักเรียนในฐานันดรต่าง ๆ ตั้งแต่พวกหน้าตาดี ตัวท๊อป อันธพาล เด็กเนิร์ด ฯลฯ แต่ละคนมีคาแรคเตอร์ที่สุดโต่งมาก ๆ ... ที่ชอบที่สุดคือ เด็กเนิร์ด ... เนิร์ดจริงจัง ชอบฉากที่ครูญี่ปุ่นยืนขาสั่นอยู่หน้าห้องเด็กเนิร์ดเพราะไม่กล้าเข้าไปสอน ปากก็พึมพำภาษาของตัวเองเหมือนซามูไรเรียกขวัญก่อนออกไปรบ
.
สุดท้ายแล้วมันทำให้เราเข้าใจคนในสังคมมากขึ้น โดยเฉพาะคน "ไร้ตัวตน" ที่มองตัวเองว่าต่ำต้อยว่าคนธรรมดาทั่วไปในสังคมเสียอีก ถึงคนพวกนี้จะไร้ตัวตน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ไร้หัวใจนะ ... เราเองก็เคยรู้สึกไร้ตัวตนแบบนี้เหมือนกัน ... แต่ไม่ว่าเราจะมองว่าตัวเองไร้ตัวตนขนาดไหน แต่เราก็มีค่านะ และมันมีบางอย่างในตัวเราที่เป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ ที่คนอื่นไม่มี เพียงแต่ว่าใครจะเห็นคุณค่าเท่านั้นเอง
.
อยากเจอคน ๆ นั้นไว ๆ ... ที่แน่ ๆ คนนั้นต้อง "มือนิ่มมาากกก" แน่ ๆ 55+
.
ไปดูเถอะ บรรยายไม่หมดว่าดีขนาดไหน สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ้มทั้งเรื่อง กลับมาถึงบ้านแล้วยังยิ้มอยู่เลย นี่คือหนังของ GTH ที่ชอบที่สุดถัดจาก "คิดถึงวิทยา"
.
ปล.ชอบเพลงตอนพี่เฟมเข้าฉาก ... ดื๊อ ดื๊อ ดื้อออ ... จะหล่อไปไหน
ปล2. ถ้าจะมี Side Strory ของเรื่องนี้ อยากให้ทำเป็นการ์ตูนทั้งเรื่องเลย มันดีมาก
ปล3. ให้ไปดูอีกรอบก็ไปนะ ชอบอ่ะ
ปล4. ไม่มีฉากท้าย End Credit เด้อ
‪#‎เมย์ไหน‬ ‪#‎MayNhai‬

ขอขอบคุณ โดยนักวิจารย์รายเดิม Champ Christof https://www.facebook.com/champ.christof?fref=ts
http://pantip.com/topic/34245597

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คลิปสัมภาษณ์จากผู้กำกับดังจากค่าย GDH559

สวัสดีครับวันนี้นะครับ ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้กำกับเกี่ยวกับการหาโลเคชั่น หรือข้อสงสัยจากในสร้างภาพยนตร์ ตอนนี้นะครับเราก็อยู่เราก็อยู่กับ พี่โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล ผู้กำกับแถวหน้าของประเทศไทย ที่ฝากผลงานให้เราได้ชมกันหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น กวนมึนโฮและพี่มากพระขโนง








ขอขอบคุณ : พี่โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล ผู้กำกับ GDH559
และสถานที่สัมภาษณ์ ตึก นิเทศศาสตร์ ห้อง ภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ฉากหนัง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ Bangkok Traffic Love Story





   รถไฟฟ้า มาหานะเธอ (อังกฤษBangkok Traffic Love Story) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ ออกฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552 กำกับโดย อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม กำกับภาพโดย จิระ มะลิกุล ได้รับเรตติ้ง "ท" (ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป) นำแสดงโดยธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ คริส หอวัง และอังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา

เรื่องย่อ

    สภาพจราจรในปี 2552 ยังเป็นปัญหาหนักอกของคนกรุงเทพฯ ด้วยแม้จะมีถนน สะพาน ทางด่วนใหม่ๆผุดขึ้นหลายต่อหลายสาย ผิวจราจรเหล่านั้นก็ยังติดขัดและไม่เพียงพอต่อความต้องการ...ถนนในกทม.ก็เหมือนหนุ่มหล่อแสนดี ที่มีน้อยและไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการ!

          เหมยลี่ (คริส หอวัง) เป็นสาวอายุ 30 ที่มีพฤติกรรมป่วนประจำตัวอย่างหนึ่ง คือ การเมาในงานแต่งงานเพื่อน เพราะมันช่างตอกย้ำซ้ำเติมชีวิตโสดสนิทไร้ชายใดมาแผ้วพานของลี่ วันหนึ่งหลังลากสังขารกลับจากการส่งเพื่อนสาวสุดซี้เข้าห้องหอ ลี่ขับรถเสยเข้ากับแผงโจ๊กในตลาดโต้รุ่ง ส่งผลให้รถเก๋งคันงามของเธอถูกป๊าผู้ต่อต้านแอลกอฮอลล์ทุกชนิดขายทิ้ง โทษฐานเมาแล้วขับ 

          ชีวิตที่ไม่มีชายหนุ่มคอยไปรับไปส่งอย่างลี่ จึงต้องออกไปผจญการจราจรสุดโหดของเมืองบางกอกเพียงลำพัง แต่ละวันลี่ต้องปากกัดตีนถีบ ขึ้นมอเตอร์ไซค์ ต่อรถตู้ โบกแท็กซี่ โหนรถเมล์ โดดลงเรือ ฯลฯ สารพันความเมื่อยล้าจากการเดินทางแบบเมก้าฮิตทำให้เวลานอนของลี่แปรปรวน 

          คืนหนึ่งลี่ตื่นมากลางดึกและแอบขึ้นไปกินเบียร์บนดาดฟ้า โชคดีปนร้าย ลี่บังเอิญไปเจอลูกจ้างชายหญิงกำลังแสดง "หนังสด" กันอยู่ กลายเป็นคดีอื้อฉาวกลางดึกที่นำพาให้ลี่ได้พบกับ ลุง (เคน – ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) วิศวกร Maintenance แห่งรถไฟฟ้า BTS 

          การได้พบกับผู้ชายชื่อแปลกคนนี้แบบไม่เมา ในคืนต่อมาทำให้ลี่เริ่มรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาเป็นครั้งแรกในสามสิบฝน ในหัวลี่อัดแน่นด้วยคำถาม "ผู้ชายที่ทั้งขาว ทั้งหล่อ ทั้งเท่ ไหงถึงมาซ่อนตัวทำงานรถไฟฟ้ากะดึกอยู่อย่างนี้" 

          ลี่รู้สึกราวกับว่า ลุง คือ ขุมทรัพย์ที่เธอบังเอิญไปพบลายแทงเข้า หากเธอไม่ลงมือทำอะไร ไม่ทำในสิ่งที่ใจต้องการ เธออาจกลายเป็นหญิงโสดคนสุดท้ายในกรุงเทพมหานคร  

          ลี่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนเคยคิด แต่ไม่กล้าลงมือ นั่นคือ การจีบผู้ชายก่อน!!

          แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่หัดจีบอย่างลี่ ไหนจะเวลาไม่ตรงกันจนเหมือนอยู่คนละโลกของเขากับเธอ ไหนจะถูก เพลิน (แพท - อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) สาวน้อยข้างบ้านหักหลัง แปรพักตร์จากครูไปเป็นคู่แข่งความรัก

          แต่ไม่ว่าจะต้องผจญอุปสรรคไหน ๆ ลี่ก็ไม่คิดถอดใจ ตั๋วรักรถไฟ(ฟ้า) เที่ยวสุดท้ายใบนี้ ลี่สาบานว่าจะไม่ยอมให้หลุดมือเด็ดขาด!

สวัสดีครับกลับมาพบกันในครั้งที่สี่ ครั้งนี้กลับมากลับ รถไฟฟ้า มาหานะเธอ เป็นหนังอีกเรื่องของค่าย GTH ที่สร้างความทรงจำดีๆ และรายได้เยอะต้นๆของค่าย5555 วันนี้กอลืฟจะหยิบยกฉากไหนมาไปติดตามกันเลยครับ

ฉากภายนอก : เป็นฉากที่ลุงและเหมยลี่กำลังเดินเล่นกลับบ้านกันครับ 




สถานที่ : ลานพระราชวังดุสิต หรือที่นิยมเรียกโดยทั่วไปว่า ลานพระบรมรูปทรงม้า (ลานพระรูปฯ) เป็นลานกว้างอยู่ด้านหน้าของพระที่นั่งอนันตสมาคมและสวนอัมพร ในเขตพระราชวังดุสิต ถนนอู่ทองใน แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ "พระบรมรูปทรงม้า" และหมุด 24 มิถุนายน 2475 ที่ระลึกการเปลี่ยนแปลงการปกครอง



รูปที่ไปตามรอยภายนตร์ในฉากนี้ 



คือต้องขอโทษด้วยนะครับ ความจริงก็อยากไปให้ทันก่อนค่ำ แต่รถติดและคำนวณเวลาผิดด้วย แต่อยากเอามาให้เพื่อนๆได้ดูกันก่อน ขอโทษด้วยนะครับ ไว้ไปอีกจะมาลงรูปเพิ่มเติมนะครับ  เจอกันอาทิตย์หน้าครับ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูกัน

ขอขอบคุณ : สถานที่ พระที่นั่งอนันตสมาคม 
ขอขอบคุณ รูปและข้อมูลดีๆจาก เพจ GTH ,และเว็บกระปุก
เว็บกระปุก http://movie.kapook.com/view3269.html
เว็บวิกิพี         เดีย https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B 8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2_%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD
รูปพระที่นั่งอนันตสมาคมจาก http://www.mut.ac.th/art_forlife/gallery/LoveThailand/slides/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1.html

บล็อคนี้จัดทำขึ้นมาเพื่อการศึกษา หากผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยนะครับ